หนุ่มเจ้าของกิจกรรม "กอดฟรี" โพสต์ชี้แจง หลังดราม่าหนัก
หนุ่มผู้ริเริ่มกิจกรรม Free Hug กอดฟรี กลางสนามหลวง โร่โพสต์ชี้แจงข้ามเฟซบุ๊ก ยืนยันเจตนาดี เคยทำมาแล้วที่สยามฯ ก่อนจะย้ายที่ไปสนามหลวง คว้ารับกระแสตอบรับดี ไม่ได้มีอะไรแอบแฝง
จากกรณีที่กลายเป็นประเด็นดราม่าในสังคมออนไลน์ กิจกรรมกอดฟรีกลางสนามหลวง หมดหนทางถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความเหมาะสม แม้กระทั่งทางรัฐบาลยังออกมาติติงในเรื่องกาลเทศะ เนื่องจากมีชายหญิงออกมาแยกออกผู้คนทั่วไปกอดแบบฟรีๆ ที่อาจจะไม่เข้ากับวัฒนธรรมไทย ตามที่ข่าวนำเสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Teerawat Pinpanichakarn หาได้โพสต์ชี้แจงกรณีดราม่าเกี่ยวกับกิจกรรม Free Hug ครั้งนี้แล้ว โดยระบุว่า ตนคือคนที่เริ่มต้นกิจกรรมนี้ โดยมีความคิดกับเพื่อนว่า จะทำกิจกรรม Free hug กัน เพื่อปลอบประโลมใจคนไทยที่กำลังเศร้าใจกันอยู่ และได้มีการเริ่มต้นกิจกรรมที่ย่านสยามสแควร์ เมื่อวันจันทร์ที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา ผลตอบรับค่อนข้างดี ตนจึงตัดสินใจว่าจะไปทำกิจกรรมนี้ที่สนามหลวง ซึ่งได้เริ่มทำกิจกรรมนี้ในวันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม และผลตอบรับก็ออกมาดีมากเช่นกัน
ทั้งนี้การทำกิจกรรมนั้น ตนเองจะพยายามสอดแทรกข้อคิดว่า ทุกคนว่าอย่าลืมกลับไปกอดคนที่บ้าน เพราะผมไม่ได้แตะการแยกออกเขามากอดตนเท่านั้น ตนอยากให้คนที่ได้รับสารนี้ นำความรู้สึกดีๆ ไปส่งต่อคนในครอบครัว ญาติมิตรสหาย และคนรอบๆ ตัว
ประเด็นดราม่าครั้งนี้ เกิดขึ้นขณะวันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา ตนหาได้นัดกับน้องผู้หญิงที่เห็นรูปดราม่ามาเจอกันเพื่อไหว้พ่อหลวง และตนเองก็ได้ทำกิจกรรม Free Hug หลังจากนั้น จึงได้ชวนให้ลองทำกิจกรรมดูว่ารู้สึกยังไง โดยที่น้องผู้หญิงยืนอยู่เพียง 3 นาทีเท่านั้น ก่อนจะแยกย้ายกัน
ต่อมาในวันที่ 24 ตุลาคม ตนก็ไปทำกิจกรรม Free Hug เช่นเดิมอีกครั้ง แม้กระนั้นครั้งนี้เมื่อเข้าไปทำกิจกรรม ปรากฏว่าตนถูกเชิญตัวออกไป โดยเจ้าหน้าที่ทางการเชิญจรให้ปากคำที่กองอำนวยการฯ
หนุ่มผู้คิดทำกิจกรรมดังกล่าวยืนยันว่า กิจกรรมนี้ไม่มีจุดประสงค์แอบแฝงแต่อย่างใด แค่ต้องการส่งต่อความรู้สึกดีๆ ให้กำลังใจด้วยการกอด เหมือนสิ่งที่พ่อสอน ท่านไม่ได้สอนให้เรารักท่าน แต่ท่านสอนให้เรารักและสามัคคีกัน ตนจึงอันเชิญคำสอนนั้นมาเขียน เพื่อที่จะบอกถึงความตั้งใจว่า ตนอยากเป็นส่วนหนึ่งที่อยากทำให้คนไทยได้รักกันตามพระราชดำริของพระองค์ท่าน ซึ่งสอดคล้องกับกิจกรรม Free Hug ที่เน้นการส่งต่อความรักและกำลังใจต่อกัน
ลายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://news.sanook.com/2089690/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น