1 ต.ค. 60 ดีเดย์ไปแล้วสำหรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ เรียกง่ายๆ ว่าบัตรคนจน ซึ่งเป็นรัฐสวัสดิการที่รัฐบาลได้ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพื่อแบ่งเบาภาระในสังคม
โดยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้แบ่งประเภทบัตรตามรายได้ของผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือเป็น 2 ประเภท คือ
1.กลุ่มที่มีรายได้ไม่เกิน 3๐,๐๐๐ บาทต่อปี จะได้รับเงินอุดหนุนเพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจำนวน 300 บาทต่อเดือน รวมทั้งค่าก๊าซหุงต้ม 45 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน ค่ารถเมล์และรถไฟฟ้า 500 บาทต่อคนต่อเดือน,ค่ารถโดยสาร บขส. 500 บาทต่อคนต่อเดือน,ค่ารถไฟ 500 บาทต่อคนต่อเดือน
2.กลุ่มที่มีรายได้เกิน 3๐,๐๐๐ บาทต่อปี แต่ไม่เกิน 100,000 บาท จะได้รับเงินอุดหนุนเพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจำนวน 200 บาทต่อเดือน รวมทั้งค่าก๊าซหุงต้ม 45 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน ค่ารถเมล์และรถไฟฟ้า 500 บาทต่อคนต่อเดือน,ค่ารถโดยสาร บขส. 500 บาทต่อคนต่อเดือน,ค่ารถไฟ 500 บาทต่อคนต่อเดือน
แต่ทั้งนี้หลายคนยังสงสัยในวิธีการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ว่าสามารถใช้ที่ใด ซื้อของอะไรได้บ้าง มีเงื่อนไขอย่างไรและสามารถถอนเงินออกมาใช้ได้หรือไม่..?
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐมีลักษณะคล้ายบัตรเครดิต บัตร ATM คือสามารถนำไปรูดซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคได้ ตามร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ที่ได้ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ โดยชำระเงินก็ง่ายมากเพียงแค่รูดบัตรจ่ายเงินผ่านเครื่องรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ เครื่อง EDC จากนั้นก็จะได้ใบเสร็จเป็นแสดงยอดที่ใช้จ่ายไปและยอดคงเหลือในบัตร
แต่ถ้าสินค้าที่ซื้อมีราคาเกินกว่าเงินที่อยู่ในบัตร ก็สามารถเติมเงินเข้าไปในบัตรได้ผ่านบริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Money ของธนาคารกรุงไทย ซึ่งนอกจากจะเติมเงินเข้าไปในบัตรแล้วยังสามารถใช้บัตรทำธุรกรรมฝาก ถอน โอน ผ่านตู้ ATM / ADM ของธนาคารกรุงไทยได้
เรียกได้ว่าสะดวกสบายสามารถพกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นแทนบัตร ATM ได้ แต่ไม่สามารถกดเงินหรือโอนเงินที่ได้รับจากการการอุดหนุนของโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Money ได้ และถ้าเงินอุดหนุนใช้ไม่หมดเงินก็จะถูกตัดทันทีไม่สามารถเก็บสะสมเพื่อนำไปทบยอดในเดือนหน้าได้
ด้านสิ้นค้าที่สามารถซื้อได้มีแบ่งเป็น 3 หมวดใหญ่ ดังนี้
สินค้าอุปโภค บริโภค เช่น หมวดอาหารสด,หมวดอาหารและเครื่องดื่ม,หมวดของใช้ประจำวัน,หมวดยารักษาโรค
สินค้าเพื่อการศึกษา เช่น เครื่องแต่งกายและอุปกรณ์การเรียน
สินค้าเพื่อเกษตรกรรม เช่น ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์และเมล็ดพันธุ์พืชต่างๆ
ซึ่งสามารถตรวจสอบร้านธงฟ้าประชารัฐได้ดังนี้ ร้านธงฟ้าประชารัฐ
ขณะที่สวัสดิการช่วยเหลือค่าโดยสารรถเมล์,รถไฟฟ้า,รถไฟ,และรถร่วม บขส. บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แบ่งเป็น 2 แบบ
1. บัตร EMV ตั๋วร่วม (แมงมุม) สำหรับผู้มีสิทธิที่ลงทะเบียนในเขต กทม. นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ นครปฐม และ สมุทรสาคร โดยบัตรนี้ ไว้ใช้กับระบบขนส่งมวลชนทั้งหมดในกรุงเทพมหานคร
2. บัตร EMV สำหรับผู้มีสิทธิที่ลงทะเบียนในจังหวัดอื่นๆ (นอกเขต กทม. นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ นครปฐม และ สมุทรสาคร) สำหรับบัตรนี้ จะไม่สามารถใช้กับระบบขนส่งมวลชนทั้งหมดในกรุงเทพมหานคร.
โดยรถโดยสารที่ร่วมโครงการจะทำการติดตั้งอุปกรณ์ อี-ทิกเก็ต เพื่อใช้สำหรับคิดเงินค่าโดยสารจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพียงแค่แตะเบาๆก็สามารถจ่ายค่าโดยสารไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สอดคล้องกับ นายประยูร ช่วยแก้ว รองผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการเดินรถ และรักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เปิดเผยว่า เตรียมการทยอยติดตั้งให้ครบตามเป้า 800 คัน ภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2560 ก่อน เพื่อรองรับผู้มีบัตรสวัสดิการรายได้น้อย
สำหรับประชาชนที่ไม่มีบัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย ขสมก. ได้ติดตั้ง ตู้รับเหรียญอัตโนมัติ หรือ แคชบ็อกซ์ ใช้จ่ายเงินสดได้ตามปกติ แต่เครื่องดังกล่าวจะรับได้แค่เหรียญเท่านั้น และจะเริ่มมีการเปิดจำหน่ายบัตรร่วมหรือบัตรแมงมุมให้ประชาชนได้ใช้บริการเครื่องอี-ทิกเก็ต อย่างเต็มรูปแบบทั้ง 2,600 คันได้ภายในเดือนมิถุนายน ปี 2560
ทั้งนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นสำหรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐส่วนใหญ่ประชาชนยังขาดความรู้ในการใช้บัตรและร้านธงฟ้าประชารัฐก็ยังมีไม่ทั่วถึงไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วไทย ด้านเงินอุดหนุนช่วยเหลือค่าเดินทางก็ยังไม่สามารถใช้ได้ทั้งหมดเท่าที่ควร เนื่องจากว่าปริมาณรถโดยสารที่ติดตั้งเครื่อง อี-ทิกเก็ต ยังมีไม่มากนัก
ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นปัญหาที่ทางโครงการสวัสดิการประชารัฐต้องรีบแก้ไข หากในอนาคตการขนส่งบริการทั้งหมดครอบคลุมและร้านธงฟ้าประชารัฐสามารถให้บริการได้ทุกพื้นที่ โครงการช่วยเหลือค่าครองชีพของคนที่มีรายได้น้อยย่อมเป็นประโยชน์อย่างสูงสุดและจะช่วยแบ่งเบาภาระของคนไทยได้สมกับบ้านเมืองที่น่าอยู่เหมือนดั่งคำขวัญที่ว่า “สยามเมืองยิ้ม”
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://news.sanook.com/3730734/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น