วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เปิดใจแบบแมนๆ "ฌอห์ณ" ฝากถึง "เอสเธอร์" สเตตัสวันนี้เราคืออะไร?

เปิดใจแบบแมนๆ "ฌอห์ณ" ฝากถึง "เอสเธอร์"  สเตตัสวันนี้เราคืออะไร?

เปิดใจแบบแมนๆ "ฌอห์ณ" ฝากถึง "เอสเธอร์" สเตตัสวันนี้เราคืออะไร?

S! News

สนับสนุนเนื้อหา

จัดให้เป็นหนุ่มฮอตและมาแรงสุดในชั่วโมงนี้จริงๆ สำหรับพระเอกหนุ่ม "ฌอห์ณ จินดาโชติ" กับการแจ้งเกิดในที่บทบาทคุณเสกจากละคร "เล่ห์รตี" แถมละครเรื่องนี้ก็ยังได้

สร้างปรากฏการณ์ชัดเจนเกิดคู่จิ้น "ฌอห์ณ - เอสเธอร์" จนทำเลี้ยงดูเกิดกระแสเชียร์ให้จิ้นกันทั้งแห่งจอและนอกจอกันแบบทั่วบ้านทั่วเมือง รวมถึง "ความโด่งดัง" ที่ทำให้ชีวิตหนุ่มฌอห์ณ

มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ตลอดชีวิตในวงการ 8 ปี การงานนี้ทีมข่าวบันเทิง Sanook!News มีโอกาสดีๆ ได้เจอตัวหนุ่มฌอห์ณในงาน "สมาร์ทฮาร์ท พรีเซนต์ ไทยแลนด์

อินเตอร์เนชั่นแนล ด็อกโชว์ 2015" จึงไม่พลาดที่จะนำบทสัมภาษณ์แบบ ExcluSive ไชทุกเรื่อง เจาะทุกมุม ของหนุ่มฌอห์ณที่ไม่อยากให้คุณพลาดเลยทีเดียว!

 

เส้นทาง "ฌอห์ณ จินดาโชติ" ก่อนเป็นพระเอกสุดฮอต

"ผมก็เหมือนเด็กๆ ทั่วไป ก็เริ่มจากตอนแรกไม่ได้ตั้งใจว่าจะมาทำงานวงการนี้ผมว่ามันเป็นดวงครับ เพราะตอนแรกผมจะไปเรียนทางด้านรัฐศาสตร์อยากทำงานการทูต ไปๆ มาๆ

ก็ได้มีโอกาสไปแคสงานโฆษณาชิ้นนึงต่อจากนั้นเทปนั้นถูกบันทึกไว้พร้อมทั้งถูกไปแพร่ภาพที่ "พี่คิง สมจริง" แกก็ชวนผมดำเนินเล่นละครกลิ้งไว้ก่อนพ่อสอนไว้ พอเล่นซักพักนึงเริ่มโตแล้ว

โปรเจ็กท์หินกลิ้งก็จบลง ผมก็หยุดพักปีนึงไปเรียหนังสือเตรียมเข้าไปมหาวิทยาลัยพอเข้ามหาวิทยาลัยก็ได้งานโฆษณาน้ำดื่ม ถ่ายนิตยสารและก็ได้ถูกชวนเข้ามาแกรมมี่ได้มาเข้ามาเป็นวีเจและก็กลับมาเล่นละครและก็พักงานวีเจไปมาทำงานละครเต็มตัว"

 

อยู่วงการมา 8 ปี แต่เพิ่งดังเปรี้ยงปร้าง

"ผมไม่ได้มองตรงนี้อะไรมากเพราะเราก็ทำงานของเรา เราไม่ได้คาดหวังผมว่าถ้าทุกคนมองว่า เห้ย! ทำไมไม่ดังซักที นั่นแปลว่าคุณไม่มีความสุขกับการทำงานเพราะคุณมองว่าเมื่อไหร่

คุณจะดังผมว่ามันสดความคิดที่ผิดมาก คุณถูกต้องคิดว่างานเล็กงานน้อยพื้นดินคุณรับไปแล้วคุณก็ทำเอื้ออำนวยมันดี ทุกอย่างทันไม่ได้อยู่ด้วยตัวเราอย่างเดียวมันอยู่ที่วันที่ออนแอร์ มันอยู่ที่องค์ประกอบ

หลายๆ อย่าง วันนั้นอาจจะเป็นวันที่เรตติ้งที่ดีที่สุดทว่าดันเป็นวันเนื้อที่เขารณรงค์ปิดไฟทั่วประเทศคนก็อาจจะไม่ดูทีวี ฉะนั้นทุกอย่างมันมีหลายเหตุผลครับ ถ้าเรามามัวนั่งนับว่าเมื่อไหร่เราจะดัง

เราก็จะเฟลตั้งแต่แรก แต่น่าจะคิดว่าเมื่อไหรจะพัฒนานั้นแหละน่าจะจะดีกว่า ข้าก็ไม่ได้ทำงานเพื่อตัวผมคนเดียว ฉันทำงานเพื่อครอบครัวผมจะมีความสุขเวลาที่ครอบครัวผมได้ในสิ่งที่ผมทำ

ด้วยตัวเองและก็สิ่งที่ผมเป็นมาตั้งนานก็คือการปลูกฝังมาจากครอบครัว ผมก็ทำมันมาเแบบนี้เรื่อยๆ วันนึง มันผลิดิกออกลูกผลคนเริ่มเห็นคุณค่าผมก็ดีใจ ไม่จำเป็นต้องโด่งดังหรืองานวิ่งเข้ามามากมายผมไม่เคยถูกสอนว่าเราต้องนำใครแต่เราต้องเดินไปพร้อมกัน"

 

ความดังนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง

"สิ่งที่เปลี่ยนคือระบบความคิดเลยครับ คือผมคิดถึงคนอื่นมากขึ้นผมจะไม่เสี่ยงทำอะไรให้ตัวเองเดือดร้อนและคนอื่นเดือดร้อน แค่สมมุติว่าผมเดินกับเพื่อนเพศตรงข้าม แล้วคนเจอ อ้าว! ทำไม

มาเดินกับคนนี้ล่ะแล้วเอสล่ะ ซึ่งจริงๆ ผมว่าน้องก็ไม่ได้อะไรนะ และเพื่อนผมเขาก็เป็นเพื่อนผมตั้งแต่เด็กซึ่งเราก็แคร์ด้วย เราต้องคิดหน้าคิดหลัง บางคนบอกว่าคิดมากเกินไป แต่คิดมากเกินไป

ดีกว่าไม่คิดอะไรเลย ฉะนั้นระบบความคิดผมคิดมากขึ้นทำอะไรเกรงใจผู้หลักผู้ใหญ่มากขึ้น คำพูดคำจาเวลาจะตอบอะไรผมก็ต้องคิดถึงหน้าน้องเขาก่อน เห้ย! พูดอะไรไปแล้วถ้าเกิดแม่เขาอ่าน

 

น้องเขาอ่านจักรู้สึกอย่างไร และก็การวางตัว ความอดทน ความเสียสละ เราทำงานมันต้องอดทนมากขึ้นเวลาส่วนตัวของผมที่มันก็หายไปก็เยอะ แต่ผมก็ไม่ได้อึดอัดกับสิ่งเนื้อที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งถ้าผม

อึดอัดก็คือผมไม่มีความสุขที่จะทำงาน ผมไม่จงมายื่นในจุดตรงนี้ ผมพูดขนมจากใจผมไม่ได้เฟคอยู่แล้ว ผมเตรียมคำตอบมาจากบ้านแล้ว (หัวเราะ) ผมทำงานมาริตั้งนาน 8 ปี แฟนคลับหล่อมแหล่มมาก

แต่ตอนนี้ไปงานที่ห้างภาคอีสานแฟนคลับมาจนห้างบอกว่าห้างแตก เราก็รู้สึกนะเรามีอิทธิพลกับชีวิตคนขนาดนี้ ฉะนั้นมีคนรักเรามากมันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี"

 

 

เช็กสเตตัส "ฌอห์ณ - เอสเธอร์" ไม่ยอมรับแต่ก็ไม่ปฎิเสธ

"ผมไม่ได้ปฏิเสธไม่ได้บอกน้องว่าไม่ชอบ แต่ผมก็ไม่ได้บอกว่าผมจะเข้าไปจีบเพราะตอนนี้ผมอยู่ในสถานะของพี่ สิ่งที่ดีที่ทำได้ก็ให้ แต่ตอบอะไรผมค่อนข้างระมัดระวังคำพูดเพราะว่าผมกำลังพูดถึง

น้องผู้หญิงคนนึงอยู่ ข่าวนี้มันจะถูกลงออกไปอีกห้าปีข้างหน้ามันไม่ได้มีชีวิตแบบนี้คนที่เดือดร้อนคือนกเขาไม่ใช่ผม ผมก็เหมือนเดิมแหละครับว่าเอ็นดูเขา เอ็นดูในที่นี้คือพื้นฐานอยู่บนความถูกต้องไม่ได้

ล่วงเกินและก็ยังไม่ได้ล้ำเส้น ยังไม่ได้เข้าไปในขอบเขตของเขามาก เจี๊ยะจะจีบเธอนะ กระผมจะดึงเธอเข้ามาในชีวิตฉัน ผมว่าผมเป็นคนชัดเจนผมไม่ได้ถูกสอนว่า ใครสั่งอะไไรก็ทำๆ แบบหลับหูหลับตา

ไม่เช่นนั้นตัวตนข้าวของเรามันก็จะไม่มี อย่างตัวผมจะจิ้นหรือจะจริงกับใครซักคนมันไม่ได้อยู่ที่ว่าองค์ประกอบแวดล้อมพลักดัน มันอยู่ที่ว่าผมโอเคกับเขามั้ยและเขาโอเคกับผมหรือเปล่า ต่อให้ผมโอเคกับเขา

แค่ไหนแต่ถ้าว่าเขาไม่โอเคพร้อมผมเรื่องแบบนี้มันก็ไม่เกิดขึ้น กับอีกอย่างนึงก็คือเรื่องของสภาพแวดล้อม ผมโอเค รอบข้างโอเค แต่น้องไม่โอเคมันก็ทำงานกันไม่ได้ ฉะนั้นยังมีเวลาผมกับน้องยังต้องเล่นละคร

กันอีกสองเรื่องเดือนนึงเจอกักคุมสิบกว่าวัน สนุกก็มีโอกาสได้ดูได้เรียนรู้ น้องกำลังโตและไม่อยากให้ทุกอย่างกดดันน้องว่าต้องเป็น ณอห์ณ จินดาโชติ มันไม่แฟร์ ถ้าเราจะได้รู้จักกันมันต้องเป็นความรู้สึกที่ยินยอมในที่จะเรียนรู้กัน"

 

"ฌอห์ณ - เอสเธอร์" ปรากฏการณ์คู่จิ้นห้างแตก

"ก็ต้องขอบคุณมากๆ ที่ทำให้ผมมีทุกวันนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะทุกคนผมก็ไม่มีวันนี้ ทุกวันนี้ไปไหนชีวิตมันใช้ได้ยากขึ้นมาก อีเว้นท์ทีผมทำงานอีเว้นท์งานนึงชั่วโมงครึ่งแต่อยู่กับแฟนคลับเกือบ

สามชั่วโมง เซ็นหนังสือล่าสุดปาเข้าเคลื่อนที่แปดชั่วโมง ผมรู้สึกนะว่าคนให้กระแสความเอ็นดูเรามากขึ้นจริงๆ พร้อมกับดีด้วยที่คนเอ็นดูทั้งเราทั้งน้อง คนให้ความรู้สึกว่าเวลาพี่น้องคู่นี้มันอยู่ด้วยกันมีความสุข

เราเองก็รู้สึกดีที่เราก็สร้าง ความสุขให้กับคนอื่น กลับทั้งหมดทั้งมวลจิ้นก็จิ้นได้ผมโอเคเลยนะ แต่ผมเกรงใจ (เสียงสูง) ทางฝั่งน้องมากกว่าเพราะเขาเป็นผู้หญิง ภูเขามีคุณพ่อคุณแม่มีน้องมีญาติ

มากมาย ผมโตมาด้วยครอบครัวที่มีแค่สามคน แม่ผมพี่ผมเป็นผู้หญิง ฉะนั้นผมรู้สึกว่าผมเป็นฝ่ายเสียหายน้อยมากผมเลยเป็นห่วง แต่ว่าปรากฏการณ์ห้างแตกที่เกิดขึ้นผมก็ดีใจของแบบนี้มันขึ้น

อยู่ที่ผมไม่ได้ครับ แต่ขึ้นอยู่กับคนดูเพราะเขาให้คำว่าคู่จิ้นคนดูเป็นคนตัดสิน ตอนที่ผมเล่นละครผมไม่ได้บอกกับน้องว่าเรามาทำให้ดีนะ เราจะได้เป็นคู่จิ้นงานอีเว้นท์จะได้เยอะภาพลักษณ์เราได้ชัด

มันไม่ใช่เพราะมันแปลว่าเราไม่ได้ตั้งใจงานเรามองเรื่องผลประโยชน์ภายภาคหน้า ฉะนั้นผมรู้สึกว่าทุกอย่างอยู่ที่คนดูครับวันนึงเราเล่นละครอาจจะไม่ดีเพราะเรามัวแต่ห่วงตัวเอง เราทำการบ้านกันน้อย

พอฟีคแบ็คเรตติ้งจบเราอาจจะไม่ดีไม่เป็นคู่จิ้นกันแล้ว แต่ถ้าเรายังยึดมั่นว่าเรายังชอบในการแสดง ผมตั้งใจทำของผม น้องตั้งใจทำของน้องพอมาเจอกันตรงกลางยังไงมันก็ดี การทำงานกับน้องเขาผม

ก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ประสบความสำเร็จ คือผมก็เล่นละครมาเรื่องมันก็เป็นปรากฏการณ์ เล่ห์รตีมันทำให้ชื่อความเป็นนักแสดงของผมชัดเจนขึ้น และผมก็ไม่ได้รังเกียจและรู้สึกแย่เลยที่จะได้กลับมาเจอน้อง ผมมองว่าดีซะอีกเหมือนว่าเราเจอมวยถูกคู่ที่ดีรับส่งจังหวะในการเล่นละครด้วยกันครับ"

ตอบแบบสุภาพบุรษแบบนี้ เชื่อแล้วล่ะว่าทำไมสาวๆ ถึงฟินกันทั้งบ้านทั้งเมือง

ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://news.sanook.com/1808495/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น